ข้อ 1. ชมรมนี้มีชื่อว่า “ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย”
มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Investment Banking Club” (IB Club)
คำว่า “ชมรม” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย”
คำว่า “บริษัท” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด และให้หมายความรวมถึง นิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ”
คำว่า “ผู้ควบคุมการปฏิบัติ งานในสายงานที่ปรึกษาทางการเงิน” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทให้เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในสายงานที่ปรึกษา ทางการเงินตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเต็มเวลาและเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบความรู้ที่ปรึกษาทาง การเงินที่จัดทดสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ในปี พ.ศ. 2543 หรือเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงินที่ชมรม วาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กำหนดโดยความเห็นชอบของ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นไป”
คำว่า “กรรมการ” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “กรรมการของชมรมวาณิชธนกิจ”
คำว่า “คณะกรรมการ” ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง “คณะกรรมการของชมรมวาณิชธนกิจ”
ข้อ 2. สำนักงานของชมรมตั้งอยู่ ณ ที่ทำการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 3. ในกรณีที่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยหรือตีความเกี่ยวกับข้อบังคับนี้หรือการดำเนินการของชมรม ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยหรือ
ตีความแล้วแต่กรณี
ข้อ 4 วัตถุประสงค์ของชมรมมีดังต่อไปนี้
4.1 ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจหลักทรัพย์โดยรวม
4.2 ส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานการประกอบธุรกิจวาณิชธนกิจทั้งด้านหลักการและด้านปฏิบัติ
4.3 เป็นตัวแทนของสมาชิกเพื่อให้ความร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอันที่จะพัฒนาธุรกิจ วาณิชธนกิจ
4.4 กำกับดูแลสมาชิกของชมรมให้ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับและจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจที่ทาง ชมรมได้กำหนดขึ้น
4.5 ประสานความร่วมมือระหว่างสมาชิกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจวาณิชธนกิจ รวมทั้ง การประนอมข้อพิพาทระหว่างสมาชิก หรือกับบุคคลภายนอกอันเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจวาณิชธนกิจ
4.6 ส่งเสริมการศึกษา วิจัย และการเผยแพร่ข่าวสารทางวิชาการและข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจวาณิชธนกิจ
ข้อ 5 สมาชิกชมรมได้แก่
5.1 บริษัทสมาชิกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยที่มีสายงานที่รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ที่ชัดเจน
5.2 บริษัทที่มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
5.2.1 เป็นสถาบันการเงิน หรือนิติบุคคลอื่นซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเป็นที่ปรึกษาทางด้าน การเงิน หรือที่ปรึกษาทางด้านการบัญชี ที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจในประเทศไทย
5.2.2 มีการกำหนดสายงานที่รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ชัดเจน โดยในสายงานดังกล่าวต้องมีผู้ควบคุมการปฏิบัติงานที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อย่างน้อย 1 คน
5.2.3 มีกรรมการ ผู้จัดการ พนักงานระดับผู้จัดการฝ่ายที่รับผิดชอบงานด้านที่ปรึกษาทางการเงิน หรือบุคคลอื่นที่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลดังกล่าว และผู้ที่บริษัทกำหนดให้เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงานในสายงานที่ปรึกษาทางการเงิน ที่มีจรรยาบรรณ มีความสามารถหรือมีประสบการณ์ในธุรกิจที่จะดำเนินการและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
5.2.3.1 มีประวัติเคยถูกไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือต้องคดี เนื่องจากการกระทำทุจริต
5.2.3.2 มีประวัติความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หลายครั้ง หรือที่เป็นความผิดร้ายแรงอันแสดงถึงการขาดความรับผิดชอบ หรือความรอบคอบในการบริหารงาน
5.2.4 มีหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติงานที่รัดกุมและเชื่อถือได้ และแสดงได้ว่าจะสามารถปฏิบัติงาน
เป็นที่ปรึกษาทางการเงินได้เยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพเช่นนั้นพึงกระทำ
5.2.5 มีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้วอย่างน้อย 10 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
5.2.6 มีคุณสมบัติอื่นใดที่คณะกรรมการกำหนด
สมาชิกของชมรมจะเป็นสมาชิกของสมาคมหรือชมรมอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกันกับชมรมไม่ได้
ข้อ 6 บริษัทที่มีคุณสมบัติตามข้อ 5 ซึ่งมีความประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมให้ยื่นใบสมัครต่อเลขาธิการชมรมตามวิธีการที่ชมรมกำหนด และให้เลขาธิการชมรมนำใบสมัครนั้นเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคำขอเข้าเป็นสมาชิก เมื่อคณะกรรมการมีมติให้รับหรือไม่รับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ให้เลขาธิการชมรมมีหนังสือแจ้งให้ผู้สมัครนั้นทราบภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ลงมติ
ข้อ 7 สมาชิกภาพเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระค่าบำรุงเรียบร้อยแล้ว
ข้อ 8 สมาชิกย่อมขาดจากสมาชิกภาพในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
8.1 สมาชิกแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรขอลาออกจากชมรม
8.2 สมาชิกไม่ชำระค่าบำรุงรายปี และคณะกรรมการมีมติให้ออก
8.3 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอนชื่อจากทะเบียนสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
8.4 คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพตามข้อบังคับของชมรมหมวดที่ 8 ข้อ 28
8.5 สมาชิกตามข้อ 5.2 ไม่ได้รับใบอนุญาตการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นระยะเวลา 2 ปี ติดต่อกัน
ข้อ 9 สมาชิกต้องชำระค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงชมรม ดังนี้
9.1 ค่าลงทะเบียนสมาชิกแรกเข้าเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท และค่าบำรุงรายปี ๆ ละ 20,000 บาท หรือตามที่คณะกรรมการกำหนดแต่ไม่เกิน 20,000 บาท
9.2 สมาชิกต้องชำระค่าบำรุงรายปีภายในเดือนพฤษภาคมของทุกปี หรือตามที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ 10 สมาชิกมีสิทธิและหน้าที่ดังนี้
10.1 ปฏิบัติตามข้อบังคับและจรรยาบรรณของชมรม
10.2 แสดงความคิดเห็นและออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุม
10.3 เสนอและเลือกตั้งกรรมการของชมรม
10.4 ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของชมรม
10.5 ได้รับประโยชน์จากการดำเนินกิจกรรมของชมรม
ข้อ 11 ให้คณะกรรมการจัดประชุมสมาชิกสามัญประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ภายใน 3 เดือน นับแต่วันปิดรอบระยะเวลาบัญชี
ของชมรม
ข้อ 12 การประชุมสมาชิกคราวอื่น ให้เรียกว่าประชุมวิสามัญ ซึ่งคณะกรรมการ หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจะร้องขอให้คณะกรรมการจัดประชุม โดยแจ้งเหตุร้องขอจัดประชุมนั้นเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังเลขาธิการชมรม
ข้อ 13 การประชุมสมาชิกสามัญประจำปี ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม หากเวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้า และให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุมครั้งหลังนี้แม้สมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้
ข้อ 14 การประชุมสมาชิกวิสามัญ ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม หากเวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมก็ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้า และให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุมครั้งหลังนี้ แม้มีสมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้ เว้นแต่ในกรณีของการประชุมสมาชิกวิสามัญที่สมาชิกร้องขอให้คณะกรรมการจัดประชุมนั้นหากสมาชิกมาไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ยกเลิกการประชุมนั้นเสีย
ข้อ 15 การบอกกล่าวประชุมสมาชิก ให้แจ้งล่วงหน้าก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 5 วันทำการโดยทางจดหมายนำส่งหรือโทรสาร พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียด วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม
ข้อ 16 ให้ประธานชมรมเป็นประธานในที่ประชุมสมาชิก ถ้าประธานชมรมไม่มาประชุมให้รองประธานชมรมทำหน้าที่แทน ถ้ารองประธานชมรมไม่มาประชุมให้สมาชิกเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
ข้อ 17 ให้ที่ประชุมถือคะแนนเสียงข้างมากในที่ประชุมเป็นเกณฑ์ สมาชิกแต่ละรายมีคะแนนเสียงรายละหนึ่งเสียง
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้เฉพาะในหมวดที่ 10 การแก้ไขข้อบังคับของชมรมและการเลิกชมรม
ข้อ 18 การเลือกตั้งและแต่งตั้งคณะกรรมการ
18.1 ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งจำนวนไม่เกิน 15 คน ประกอบด้วยประธานที่มาจากการเลือกตั้งของ
ที่ประชุมสมาชิกจำนวน 1 คน และกรรมการจากการเลือกตั้งของที่ประชุมสมาชิกจากบุคคลที่สมาชิก
แต่ละประเภทระหว่างกันเองเป็นผู้เสนอหรือเลือกตั้งไม่เกิน 13 คน โดยเป็นกรรมการจากสมาชิกชมรม
ตามข้อ 5.1 ไม่เกิน 8 คน และกรรมการจากสมาชิกชมรมตามข้อ 5.2 ไม่เกิน 5 คน โดยอย่างน้อย 1 คน
ในจำนวน 5 คนนั้นเป็นกรรมการที่เสนอและเลือกตั้งโดยสมาชิกชมรมที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และกรรมการอีก 1 คน คือ เลขาธิการสมาคม เป็นกรรมการและเลขาธิการชมรมโดยตำแหน่ง
18.2 การเลือกตั้งประธานและกรรมการ ให้กระทำโดยสมาชิกเลือกตั้งจากรายชื่อบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกตามที่ ตนเห็นสมควรให้ดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการแล้วแต่กรณีจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง
– ในการเลือกตั้งตามวรรคแรก หากคราวใดมีการเลือกตั้งทั้งประธานและกรรมการให้เลือกตั้งประธานก่อน โดยให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ที่ได้รับเลือก หากปรากฏว่ามีผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดมากกว่า 1 คน ให้ที่ประชุมสมาชิกลงมติใหม่เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนเท่ากัน หากปรากฏว่าคะแนนเท่ากันอีก ให้ใช้วิธีจับสลาก
– ในการเลือกตั้งกรรมการ ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงตามลำดับได้เป็นกรรมการมีจำนวนตามที่คณะกรรมการจะได้กำหนดเป็นคราว ๆ ไป แต่ไม่เกินจำนวนที่ระบุไว้ในข้อ 18.1 ถ้ามีผู้ที่ได้คะแนนเท่ากันในลำดับสุดท้ายที่จะได้เป็นกรรมการคราวนั้น ให้ที่ประชุมสมาชิกลงมติใหม่เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนเท่ากันหากปรากฏว่าคะแนนเท่ากันอีก ให้ใช้วิธีจับสลาก
18.3 บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง ประกอบด้วยบัญชีรายชื่อของบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งในตำแหน่งประธาน และบัญชีรายชื่อของบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการ
18.4 ผู้ที่มีสิทธิได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานหรือกรรมการ จะต้องมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงในฝ่ายวาณิชธนกิจของบริษัทสมาชิก หากสมาชิกของชมรมรายใดได้รับเลือกตั้งให้เป็นกรรมการหรือประธานของชมรม (แล้วแต่กรณี) แล้ว สมาชิกของชมรมรายนั้นไม่มีสิทธิได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานหรือกรรมการอีกตำแหน่งหนึ่ง
18.5 การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อรับเลือกตั้งเป็นประธานและกรรมการ ให้เสนอต่อเลขาธิการชมรมก่อนวันประชุมสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบสี่วัน และให้เลขาธิการชมรมส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไปยัง สมาชิกล่วงหน้าก่อนวันประชุมสมาชิกไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
18.6 ให้บรรดากรรมการเลือกตั้งกันเองเพื่อดำรงตำแหน่งรองประธาน เหรัญญิก และตำแหน่งอื่น ๆ ตามที่ คณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มี
18.7 คณะกรรมการดำรงตำแหน่งคราวละไม่เกิน 3 ปี ในการประชุมสมาชิกสามัญประจำปี กรรมการต้องออกจากตำแหน่งจำนวนหนึ่งในสาม ถ้าจำนวนกรรมการจะแบ่งออกให้ตรงเป็นสามส่วนไม่ได้ก็ให้ออกโดยจำนวน
ใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม ให้กรรมการคนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดเป็นผู้ออกจากตำแหน่ง กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับเลือกตั้งได้อีก
18.8 ความในข้อ 18.4 ข้อ 18.6 และข้อ 18.7 มิให้นำมาใช้บังคับแก่เลขาธิการสมาคม ซึ่งเป็นกรรมการและเลขาธิการชมรมโดยตำแหน่ง
ข้อ 19 ให้มีคณะที่ปรึกษาคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยไม่เกิน 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น รวมทั้งตัวแทนจากสมาคมที่เกี่ยวข้อง อีกไม่เกิน 6 คน โดยมีวาระคราวละ 1 ปี
ข้อ 20 ให้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในฝ่ายงานต่าง ๆ ของชมรมตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
ข้อ 21 ให้เลขาธิการชมรมแจ้งรายชื่อประธาน และ/หรือ กรรมการที่ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิก พร้อมทั้งแจ้งรายชื่อ คณะกรรมการให้สมาชิกทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่เลือกตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ข้อ 22 การเลือกตั้งกรรมการโดยสมาชิกในที่ประชุมสมาชิกจะกระทำโดยวิธีเปิดเผยหรือวิธีอื่นก็ได้ ทั้งนี้แล้วแต่ที่ประชุมสมาชิกจะกำหนด
ข้อ 23 ให้คณะกรรมการร่วมกันกำหนดและมอบหมายความรับผิดชอบในงานด้านต่าง ๆ ของชมรมภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้จัดตั้งคณะกรรมการเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ข้อ 24 อำนาจและหน้าที่ของประธานและกรรมการ
24.1 บริหารกิจการของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
24.2 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งที่ปรึกษาของชมรมและคณะอนุกรรมการได้
24.3 คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงานในเรื่องต่าง ๆ จากสมาชิกหรือบุคคลอื่นที่คณะกรรมการเห็นสมควร
24.4 ให้ประธานชมรมเป็นผู้แทนของชมรมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก และเป็นประธานในที่ประชุม ของคณะกรรมการและในที่ประชุมสมาชิก
24.5 ให้เลขาธิการชมรมมีหน้าที่ช่วยเหลือประธานในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธาน เป็นผู้ปฏิบัติการแทนประธานในขณะที่ประธานไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตามที่ประธานจะมอบหมายและมีหน้าที่บริหารงานเอกสารที่เกี่ยวกับการประชุม
24.6 ให้ประธานชมรมประสานงานกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการแต่งตั้งหรือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยทำหน้าที่รักษาและจดบันทึกบัญชีเกี่ยวกับเงิน ทรัพย์สิน รายรับ–รายจ่าย ของชมรม ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียนสมาชิก และหน้าที่อื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
ข้อ 25 การประชุมคณะกรรมการ
25.1 ให้มีการประชุมคณะกรรมการตามที่ประธานชมรมจะเห็นสมควร แต่อย่างน้อยจะต้องมีการประชุมกัน ทุกเดือน
25.2 ในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้ง ต้องมีกรรมการมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ทั้งหมด จึงจะครบองค์ประชุม
25.3 ให้ประธานชมรมเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานไม่มาประชุมให้รองประธานชมรมทำหน้าที่แทน ถ้ารองประธานไม่มาประชุมให้เลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
25.4 มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการที่มาประชุมเป็นเกณฑ์ในกรณีที่ เสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
25.5 ให้มีการประชุมคณะกรรมการชมรมร่วมกับคณะกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยทุก 3 เดือน
ข้อ 26 กรรมการจะพ้นจากตำแหน่งในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้
26.1 ถึงแก่กรรม
26.2 ถึงคราวออกตามวาระ
26.3 ลาออกจากกรรมการ
26.4 ออกจากบริษัทสมาชิก
26.5 บริษัทสมาชิกขาดจากสมาชิกภาพ
26.6 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ 27 ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง ซึ่งนอกเหนือไปจากการออกตามวาระในข้อ 18.7 ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง กรรมการเข้าดำรงตำแหน่งแทน โดยกรรมการผู้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มีวาระการดำรงตำแหน่งได้เท่ากับกรรมการ ที่ตนเข้ามาแทนพึงมี ทั้งนี้ ให้กระทำในการประชุมคณะกรรมการครั้งต่อไปตามองค์ประกอบในข้อ 18.1
ข้อ 28 สมาชิกใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือจรรยาบรรณของชมรม คณะกรรมการอาจมีมติลงโทษสมาชิกนั้น ดังต่อไปนี้
28.1 ภาคทัณฑ์
28.2 ระงับการเป็นสมาชิกชมรมชั่วคราว
28.3 ให้สมาชิกพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรม
ข้อ 29 ในการพิจารณาความผิดและการลงโทษสมาชิก คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนเพื่อทำหน้าที่พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปผลการกระทำความผิด
ในกรณีที่คณะอนุกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนมีคำสั่งลงโทษสมาชิกใดแล้ว ชมรมจะแจ้งคำสั่งลงโทษเป็นหนังสือไปยังสมาชิกดังกล่าว โดยสมาชิกนั้นอาจยื่นคำขออุทธรณ์การลงโทษต่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ตามหลักเกณฑ์ที่ชมรมกำหนด ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 30 ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการลงโทษสมาชิก และการเปิดเผยการลงโทษได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ 31 บริษัทใดซึ่งถูกระงับการเป็นสมาชิกชมรมชั่วคราวตามข้อ 28.2 อาจขอให้คณะกรรมการยกเลิกการระงับดังกล่าวได้ในกรณีที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร หรือกรรมการของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นเหตุให้ถูกระงับการเป็นสมาชิก และคณะกรรมการเห็นสมควรให้รับเข้าเป็นสมาชิก
ได้อีก
ข้อ 32 บริษัทใดซึ่งพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรมตามข้อ 28.3 จะขอสมัครเป็นสมาชิกชมรมอีกไม่ได้ ยกเว้นกรณี ดังต่อไปนี้
32.1 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร หรือกรรมการของบริษัท
ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำนั้น ๆ และคณะกรรมการเห็นสมควรให้รับเข้าเป็นสมาชิกได้อีก
32.2 ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกชมรมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันพ้นจากการเป็นสมาชิกชมรม
ข้อ 33 การเงินของชมรมให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ หรือบุคคลที่คณะกรรมการมอบหมาย โดยจะได้รับการสนับสนุนด้านบุคลากรจากสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 34 รายได้ของชมรมมาจากการเก็บค่าบำรุงจากสมาชิก รายได้จากการจัดกิจกรรม หรือรายได้จากการจำหน่ายเอกสารทางวิชาการของชมรม
ข้อ 35 ให้คณะกรรมการพิจารณานำเงินของชมรมฝากไว้ ณ สถาบันการเงินที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดยแยกออกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ของทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย การเบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝากของชมรมทุกครั้ง ต้องมีหลักฐานการอนุมัติโดยการลงลายมือชื่อของกรรมการอย่างน้อย 2 คนร่วมกัน
ข้อ 36 เหรัญญิกของชมรมอาจเก็บรักษาเงินสดย่อยเพื่อการทดรองจ่ายได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท และการเบิกจ่ายเงินจากเงินสดย่อยทุกครั้งต้องมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์
ข้อ 37 ให้คณะกรรมการใช้จ่ายเงินของชมรมได้ตามความจำเป็นเพื่อบริหารงานของชมรม และกิจกรรมของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ข้อ 38 รอบปีบัญชีของชมรมเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมทำการตรวจสอบบัญชีรายรับ–รายจ่าย และงบดุลของทางชมรมแล้วนำเสนอต่อที่ประชุมสมาชิกในการประชุมสมาชิกสามัญประจำปี
ข้อ 39 การแก้ไขระเบียบข้อบังคับของชมรมจะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ด้วยมติของที่ประชุมสมาชิก ซึ่งต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ 40 ชมรมจะเลิกได้ด้วยมติของที่ประชุมสมาชิก ซึ่งต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด
ข้อ 41 เมื่อชมรมต้องเลิกไป ให้มีการชำระบัญชีของชมรม และให้ที่ประชุมสมาชิกคราวนั้นลงมติเลือกตั้งกำหนด
ตัวผู้ชำระบัญชีเสียด้วย
หากมีทรัพย์สินของชมรมเหลือจากการชำระบัญชี ให้ยกให้แก่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 42 มิให้นำความในข้อ 5.2.5 มาใช้บังคับกับผู้ที่เป็นสมาชิกของชมรมอยู่ ณ วันที่การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับข้อดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
ข้อ 43 การต่อสมาชิกภาพของสมาชิกตามข้อ 42 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้สำหรับคุณสมบัติตามข้อ 5.2.5
สมาชิกต้องมีส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
ในกรณีที่สมาชิกรายใดมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามข้อ 43 นี้สมาชิกรายดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้มีคุณสมบัติดังกล่าวให้ครบถ้วนภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันครบกำหนดการต่ออายุสมาชิกของปี พ.ศ. 2549